วันที่สอง เตรียมตัวขึ้นภู 20/12/63ออกจากที่พัก 6.30 น. ขับรถไปอุทยานแห่งชาตืภูกระดึงแค่ 10 นาที จ่ายค่าเข้าคนละ 40 บาท หาที่จอดรถที่มีอยู่เยอะที่ลานหน้าอาคารและลานอื่นๆ เข้าแถวรอ จนท เช็คอิน ตามการจอง เช่น จะมีแถวสำหรับคนที่จองผ่าน แอพ QueQ รอบเวลาต่างๆ เช่น 7.00-8.00 และจะมี 1 แถว สำหรับ นทท ที่ walk-in มา ตั้งแถวรอ จนท สักพัก แถวไม่ยาวมาก พอ 7.00 น. เช้า รออย่างใจจดจ่อ จนท มาถึงเคาเตอร์ บอกให้ทุกคนสแกนผ่าน QR Code ตามจุดต่างๆได้เลย (แอบจกตาเล็กน้อย อุตส่าห์จองผ่าน QueQ มาตามที่แนะนำ จบกัน ไม่ได้มีผลอะไรเลย) ซื้อประกันภัยคนละ 10 บาท (ถ้าขาพลิก ขาแพลง เดินไม่ไหว จากอุบัติเหตุ โดยเฉพาะตอนขาลง สามารถให้ลูกหาบ หาบลงมาได้ ไม่เสียค่าใช้จ่าย จากเพจ คนรักษ์ภูกระดึง) เสร็จแล้วไปแจ้งที่จุด 4 ในกรณีที่จะจอดรถค้างไว้ใน อช ไม่มีที่จอดรถเฉพาะสำหรับจอดรถระยะยาวสำหรับคนจะขึ้นภู จอดตรงไหนก็ได้ที่ที่จอดรถ (แนะนำหาที่ร่มๆ แต่อาจหายากเสียหน่อย)





ติดต่อ จนท แจ้งเรื่องการจองเต้นท์ที่พักออนไลน์ แจ้งชื่อจองให้ จนท ถ้าให้ดีปริ้นใบจองมาด้วยก็ดี จากนั้น จนท จะพิมพ์ใบเสร็จให้เรามาพร้อมเสร็จกำกับ ซึ่งเราจะเอาใบนี้ไปแสดงต่อ จนท ที่ศูนย์วังกวาง เพื่อเบิกเครื่องเดิน และตำแหน่งของเต้นท์ที่เราจองไว้

จากนั้นไปจุดที่ติดต่อลูกหาบ วันที่ไป นทท ไม่แน่นมาก เข้าแถวรอคิวไม่นาน กระเป๋าเอาไปสองใบ ใบแรกเป็นกระเป๋ายาวๆไว้ใส่เสื้อผ้า หนัก 8 กก ส่วนใบสองเป็นเป้ใส่ของจิปาถะ หนัก 6 กก ค่าใช้จ่ายคิดที่ กก ละ 30 บาท/ต่อเที่ยว ต้องซื้อแท๊กติดกระเป๋ามาก่อนแผ่นละ 5 บาท เขียนชื่อ เบอร์โทร เก็บต้นขั้วไว้เพื่อใช้ตอนจ่ายเงินรับกระเป๋าที่ศูนย์วังกวาง


ก่อนขึ้นลองไปตรวจความดันสักนิด อุ๊แม่จ้าว ความดันขึ้นทันทีเกือบ 150 กลัว จนท ไม่ให้ขึ้นมากตอนนั้น แต่ จนท แนะนำค่อยๆขึ้นไป ส่วนความดันของภรรยาปกติ สูงจากระดับทะเลปานกลางแค่ 1288 เมตรเอง (เทียบเท่าตึก 430 ชั้นเอง) แฮร่ๆ ระยะทางขึ้นภู 5500 เมตร (เทียบเป็นระยะชัน 1:4.27 ความลาดชัน (slope) เท่ากับ 13.2 องศา)


- พร้อมขึ้นเวลา 7.30 น. จัดแจงกางไม้ค้ำ (Trekking Pole) ออกมา แนะนำไม้ค้ำจับเป็นทั้งขาขึ้นและขาลง ช่วยพยุงน้ำหนักเรา ขาไปแบ่งกันใช้คนละอัน พอขึ้นไปเลยซำแฮกสักพัก ภรรยาส่งของเขาให้ใช้เพราะกลัวผมจะเหนื่อยจนเกินไป ส่วนภรรยาเดินตัวเปล่าทั้งขาขึ้นและขาลง สุดยอดจริงๆ...ผมใส่กางเกงเที่ยวขาสั้นแต่ใส่ที่รัดน่องกันตะคริงของ McDavid ใช้ได้ดีเลยครับ ไม่เป็นตะคริวที่น่องแต่จะเป็นตะคริวที่หน้าขาแทน
- ก่อนถึงซำแฮก พักระหว่างทางตลอด ค่อยๆเดินขึ้น เห็นขอนไม้ไม่ได้เข้าไปนั่งพักเป็นช่วงๆให้หายเหนื่อย ปลอดภัยไว้ก่อน ช่วงขาขึ้นตอนเช้า เริ่มมีแดดแต่ไม่ร้อนมาก (แนะนำให้ใส่หมวกปีก ป้องกันความร้อนที่ศรีษะ) แนะนำให้ขึ้นช่วงเช้าดีที่สุด แล้วก็ถึงซำแฮก กินแตงโมชื่นใจจริงๆ มิน่าเห็นถ่ายรูปกับแตงโมซีกกันเยอะ เข้าใจและ พักยาวๆไป ไม่รีบ
- ออกเดินต่อ แดดเริ่มร้อน ทางก็ชันมากชันน้อยสลับกันไป เหนื่อยหอบ ต้องหยุดพักเป็นช่วงๆ ถึงซำกอซางก็พักอีก ระหว่างเห็นลูกหาบแบกของมาแล้วยอมจริงๆ แต่ละคนจะมีลำโพงเปิดเพลงตามสไตล์ของแต่ละคน ทั้งลูกทุ่งและแร็ป แต่ละคนจะกำหนดจังหวะการเดินของตัวเองโดยการเหวี่ยงข้อศอกเบาๆเป็นจังหวะ ลูกหาบก็มีพักเหนื่อยระหว่างทาง โดยจะมีหลักเหมือนบาร์ไว้คอยวางคานหาบและสิ่งของ เข้าใจเลยครับ ถ้าไม่มีพวกเขาเราคงไม่ได้มีโอกาสสัมผัสบรรยากาศดีๆข้างบนภูแน่ๆ
- เดินต่อไปซำกกหว้า ตะคริวจะขึ้นที่หน้าแข้งทั้งสองขา ต้องหยุดพักก่อน เห็นร้านอาหารที่ซำอยู่แค่เอื้อม แต่ขึ้นไม่ไหว ต้องพัก 15 นาที ถึงเดินต่อไปพักที่ร้านอาหารบนซำได้ พักยาวเลยทีนี้เกือบชั่วโมงมั๊ง ถ้าตะคริวขึ้นแล้วจะเจ็บยาวเลย ให้ภรรยาใข้น้ำมันเหลืองนวดให้ ยืดเหยียดขาระหว่างพัก พักนานๆ ช่วยได้เยอะเลย
- พอหายเหนื่อยเดินต่อ ก่อนขึ้นถึงที่พักซำกกโดนก็ตะคริวจะขึ้นอีก แต่ก็ได้พักที่ซำนี้อีกนานพอควร
- ลุยต่อไปซำแคร่ (มีแคร่ให้นั่งเยอะ) พักเหนื่อย เตรียมกำลังชุดสุดท้ายก่อนลุยขึ้นหลังแป (เขาว่าชันและเหนื่อยอีกช่วง)
- เย้...ถึงหลังแปแล้ว เวลาประมาณ 14.30 รวมใช้เวลาขาขึ้น 7 ชม ถ่ายรูปที่ป้าย หายเหนื่อยเลย เข้าใจถึงความยากลำบากและเสน่ห์ของการขึ้นภูกระดึงเลย
- เดินต่อจากหลังแปไปศูนย์วังกวาง ระหว่างทางก็เจอต้นสนจิ๊กโก๋ (อยู่กลางถนนเลย) หนึ่งต้นและสองต้น ยืนเด่นเป็นสง่า ถ่ายรูปสักหน่อย เดินต่อสบายๆ อากาศเย็น
- ถึงศูนย์วังกวาง ติดต่อ จนท แสดงใบเสร็จการจองเต้นท์ หมอน ที่ปูนอน ถุงนอน แล้วไปเบิกที่อาคารข้างๆ เลือกได้เลย ส่วนเต้นท์ จนท จะบอกหมายเลขเต้นท์ให้ เราให้เบอร์เต้นท์ 111 เบอร์ตองซะด้วย เครื่องนอนสะอาดพอควรเลยหล่ะครับ ไม่ต้องห่วง
- เก็บของในเต้นท์ เตรียมตัวออกไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ผาหมากดูก ลานกางเต้นท์จะมีเต้นท์อยู่หลายกลุ่ม ของ อช จะเป็นเต้นท์ลายพราง ใหญ่พอควร นอนได้ 3 คน สบายๆ ถ้ามีเด็ก พ่อ-แม่ ลูกๆ สัก 4 คน นอนได้แบบไม่อึดอัด ส่วนเต้นท์ของร้านค้าจะมีขนาดเล็กกว่า เป็นเต้นท์หลากสี รวมถึงมีที่กางเต้นท์สำหรับคนที่นำเต้นท์มาเอง มีบางคนได้เต้นท์ที่ปิดไม่สนิท ตอนคืนลมหนาวพัดเข้ามา เขาบอกว่านอนแทบไม่หลับสะท้านมาก ยังไงตรวจดูเต้นท์ให้เรียบร้อยก่อนนะครับว่าปิดได้สนิทไหม เพราะมันหนาวมาก ตอนเช้าเหลือเลขตัวเอง 8 องศาน่าจะได้ หนาวสุดๆ (ไม่มีฮีทเตอร์เหมือนอยู่เมืองนอกด้วย)
- ไปผาหมากดูก ไปดูพระอาทิตย์ตก แวะถ่ายรูปที่ต้นเมเปิลข้างๆบ้านที่พัก นั่งรอดูพระอาทิตย์ตก ไปถึงเห็นมีคนจับจองที่ไว้แล้วอยู่พอสมควร
- เดินกลับศูนย์วังกวาง ผ่านที่ให้เช่ารถจักรยาน สอบถามเจ้าของร้านเรื่องเส้นทางจักรยาน อธิบายดีมาก ชัดเจน เลยจอง 2 คันเป็นจักรยานล้อโต ลองให้ภรรยาปั่นดูก่อนว่าพอไหวไหม ลองปั่นเสร็จบอกสบายๆ ก็เลยทำเรื่องเช่าทริปเต็มวันในวันพรุ่งนี้ คืนรถ 18.30 (น่าจะมืดพอดี) ราคาค่าเช่า 410 บาท/คัน/วัน (ค่าเช่า 400 บาท ค่าธรรมเนียม อช 10 บาท) รับใบเสร็จ มารับรถได้ 8.30 ของวันรุ่งขึ้น แนะนำก่อนมาให้จองจักรยานออนไลน์มาก่อนก็ดีนะครับ บางช่วงจะเต็มจร้าาา
- กลับมาที่เต้นท์ อากาศหนาวมากคืนนี้ เตรียมตัวไปอาข้าวกิน จะมีโซนร้านอาหาร 2 โชน กินหมูกระทะสิครับ ราคาชุดละ 500 บาท (ทานสองคนกำลังอิ่มพอดี) ส่วนน้ำเปล่าขวดละ 30 บาท (ราคามาตราฐาน) อร่อยเลยครับที่ร้าน ท.บริการ กินเสร็จเดินต่อไปกินปาท่องโก๋ 5 ตัว 20 บาท มีนมข้นหวาน อร่อยสุดๆ กรอบนอกนุ่มใน ผมถือว่าอร่อยเท่าที่เคยกินมาเลย กินเครปต่อ 50 บาท ตามด้วยโรตีอีกหนึ้งแผ่น ข้างบนมีขายเกือบทุกอย่างที่คุณต้องการ ไม่ต้องเตรียมอะไรมากินข้างบนเลยครับ ที่นี่มีทุกอย่าง จ่ายแพงนิดหน่อย ถือว่าช่วยๆกัน เขาอยู่ได้เราก็สบาย เขาก็ต้องเสียค่าลูกหาบแบกขึ้นมาเหมือนกัน ผมว่าราคาอาหารที่นี่สมเหตุสมผลเลยที่เดียว บางอย่างแอบถูกด้วย เช่น ปาท่องโก๋ มีกวางเจ้าถิ่นออกมาเดินเล่น บางตัวก็นอนนิ่งๆ เห็นหมูป่าหลายตัวแอบๆอยู่ตามพุ่มหญ้า ไม่กล้าโชว์ตัวมากเหมือนกวางจ้าวถิ่น
- โหดสุดก็ตอนนี้ครับ อาบน้ำที่ห้องน้ำรวม มีห้องน้ำเยอะครับ ไม่ต้องห่วง กระจายอยู่หลายที่ สะอาดใช้ได้เลยครับ แต่ขอบอกว่าหนาวมากกก (เพิ่งมาเห็นตอนหลังว่าร้านค้าบางร้านมีน้ำอุ่นให้บริการ คิด 80 บาท ผมว่ามันคุ้มมากเลยครับ)
- นอนในเต้นท์ก็ยังหนาวมาก ต้องใส่ถุงเท้าถุงมือ กางเกงวอร์ม เสื้อแขนยาวทับด้วยแจ็คเก็ตใส่หมวกนอน ก็ยังหนาวมาก นอนแทบจะไม่หลับ แถมกลางคืนลมแรงมากพัดมาแบบกลัวเต้นท์จะปลิวไปตามลม ตอนแรกเอาถุงนอนรูดซิปออกเป็นผ้าห่ม สู้ไม่ไหวครับ ต้องกลับมานอนในถุงนอนถึงพอช่วยคลายหนาวได้ ผมวู่วามจริงๆครับ...มันหนาวสุดๆ
- ระหว่างนอนจะเริ่มได้ยินเสียงกรนจากเต้นท์ข้างๆแล้วครับ ตอนไปเป็นช่วงหน้าหนาวแล้ว ไม่มีปัญหาเรื่องทากเหมือนตอนหน้าฝน
สรุปแต่ละช่วง จากบนภูลงฐาน
- วังกวาง (9 กม) เดินบนที่ราบ
- หลังแป (5.5 กม)
- ซำแคร่
- ซำกกโดน
- ซำกกไผ่
- ซำกกหว้า
- พร่านพรานแป
- ซำกอซาง (ร้านอาหาร)
- ซำกกกอก
- ซำบอน
- ซำแฮก (มีร้านค้าเยอะที่สุด ซำนี้)
- ปางกกค่า
- ศรีฐาน
แผนที่ภูกระดึง

