SiamFarm.com
ชื่อผู้ใช้งาน  
รหัสผ่าน


สยามฟาร์ม SiamFarm
ขอเชิญเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ แชร์เรื่องราวที่อาจมีประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยนะครับ

หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ขึ้นภูกระดึง เพราะความวู่วามล้วนๆ  (อ่าน 4844 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
civilthai
Administrator
ผู้บัญชาการ
*****

คะแนนความนิยม: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1182



ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: ธันวาคม 24, 2020, 11:15:09 pm »

จองขึ้นภูกระดึงแบบวู่วาม 13/12/63

ช่วงปลายปีนี้ 2563 ผมวู่วามอยากเที่ยวแบบลำบากสักหน่อยในชีวิต เลยลองเข้าเว็บของอุทยานแห่งชาติ https://nps.dnp.go.th/member.php (ต้องสมัครลงทะเบียนที่เว็บของ อช ก่อนนะครับ ถึงจะทำการจองได้) ลองเลือก อช ภูกระดึง แล้วลองจองวันที่ 20-22 ธ.ค. ดู อ้าววว ว่างอยู่ครับ จัดเลยสิครับ...รอไร ถามภรรยาว่าไปไหม เสียงตอบกลับมาว่า "ไป" ผมนึกในใจงานเข้าแล้วตรู อ้าวไปก็ไป เลยกดจองเลยสิคราบ...จัดไป

หลังจากจองออนไลน์ กลับมานั่งคิดว่าเราวู่วามทำอะไรลงไป อายุก็ 50+แล้ว แถมน้ำหนักตอนนี้ก็ปาเข้าไปอีก 6 โลก็จะร้อย เป็นความดัน เบาหวาน ไขมัน NCDs มาครบ จากการตรวจสุขภาพประจำปี (ไม่แนะนำนะครับ ถ้าสุขภาพร่างกายไม่พร้อมแบบนี้ ผมถึงตั้งชื่อกระทู้ว่า "ขึ้นภูกระดึง เพราะความวู่วามล้วนๆ") จำได้ว่าภรรยาเคยชวนไปตอนคบกันใหม่ๆเพราะเขาอยากไป ผมตอบโดยไม่ลังเลเลยว่า "ไม่ไปครับ ไม่ชอบลำบาก ที่เที่ยวมีเยอะแยะ" จริงๆกลัวไปแล้วต้องเลิกกัน 555 แต่รอบนี้อยากทำอะไรให้ภรรยา Surprise สักหน่อย ลูกๆก็โตกันหมดแล้ว เลยต้องเลยตามเลยเพื่อไปจังหวัดเลย 555

ไหนๆก็วู่วาวไปแล้ว ต้องไปให้สุด เลยต้องเตรียมตัวสักหน่อย เริ่มจากพิมพ์ใบจองเพื่อไปจ่ายชำระเงินที่ธนาคารกรุงไทย สาขาเซ็นทรัลบางนา กดบัตรคิว พอดูใบคิวแล้วต้องรออีก 20 กว่าคิว โอ้ววว กะถอดใจแล้วเพราะต้องรีบไปงานเลี้ยงด้วย (ช่างเป็นความโชคดีอะไรอย่างนี้ของผม จะได้บอกภรรยาไปว่าคิวยาวกลัวไปงานเลี้ยงไม่ทัน) แต่...มี จนท ธ. กรุงไทย สาวสวย เดินมาถามผมหน้าธนาคารว่าจะทำรายการอะไรคะ ผมบอกไปว่าจะมาจ่ายเงิน จอง อช ภูกระดึงเอาไว้ แต่คิวเยอะมากเบย จนท ก็ใจดี (ฟ้าช่างเป็นใจเหลือเกิน) กดจ่ายผ่านแอพ ธ.กรุงไทยส่วนตัวให้ไปก่อน ผมก็โอนคืนไปให้ผ่านพร้อมเพย์ รวมค่าใช้จ่ายดังนี้



ถอยหลังไม่ได้แล้วสิเราคราวนี้ ต้องเดินหน้าต่ออย่างเดียว เริ่มคิดแล้วว่าจะเดินทางไปยังไง? รถทัวร์ก็ดีนะไม่ต้องเหนื่อยขับรถไปเอง? (หาอ่านได้ใน pantip มีรีวิวดีๆเพียบ) แต่สรุปว่าเอารถไปเองสะดวกที่สุดสำหรับเราโดยเฉพาะช่วงโควิด 19 อาศัยผลัดกันขับไปเรื่อยๆแค่ห้าร้อยโลเอง...



คิดว่าถ้าขับรถไปพักไปก็ราว 7-8 ชม ถ้าให้ถึงภูกระดึง 7.00 น. ก็ต้องออกจาก กทม เวลาสี่ห้าทุ่ม ขับไปแบบไม่ต้องนอน คงไม่ไหวแน่ เลยตัดสินใจว่าควรต้องหาที่พักนอนก่อนสัก 1 คืนใกล้ๆภูกระดึง ค้นหาในเน็ตสักพัก มาสรุปที่ ผานกเค้า เดอ เลย รีสอร์ต จาก FB ของรีสอร์ต https://www.facebook.com/p.deloei/ โทรไปจองเลือกห้อง 500 บาท ได้ห้องอิงผา 2 เป็นบ้านหลังเล็กๆยกสูง แต่มีราคา 600 บาทด้วย (มีตู้เย็น) จ่ายเงินผ่านไลน์เจ้าของรีสอร์ต แนะนำครับห้องพักขนาดไม่ใหญ่มาก สะอาดใช้ได้

เป็นอันเสร็จสิ้นเรื่องการจองที่พัก ที่เหลือคือเตรียมจัดกระเป๋าพร้อยลุย...แล้วก็...เตรียมใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 06, 2021, 07:30:16 pm โดย civilthai » บันทึกการเข้า
civilthai
Administrator
ผู้บัญชาการ
*****

คะแนนความนิยม: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1182



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2020, 12:20:38 am »

วันแรก 19/12/63

ออกเดินทางจาก กทม เวลา 6.30 น. วิ่งสระบุรีเลี้ยวขวา พักทานข้าวที่ ฟาร์มโชคชัยสเต็กเฮาส์ สเต็กเนื้อ dry aged 60 วัน นุ่มอร่อย  เดินเล่นหน้าฟาร์ม ซื้อชีสลูกเต๋ามากินเล่นเค็มๆ อร่อยแปลกดี เดินทางต่อจากสีคิ้ว แวะวัดหลวงพ่อคูณ (วัดบ้านไร่) อ.ด่านขุนทด ไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยก่อน ถ่ายรูปวิหารเทพ สวยมาก ขับรถต่อถึงที่พัก ผานกเค้า เดอ เลย รีสอร์ท ประมาณ 16.30 น. เก็บของเสร็จออกไปร้านเจ๊กิม (ร้านดังที่ใครๆก่อนจะขึ้นภูกระดึงต้องแวะมาทานข้าวแกงที่นี่) ข้าวแกงทีนี่อร่อยมาก แกงเป็นหม้อๆ ผมทานข้าวราดหมูหวาน พะแนงหมู ไข่พะโล้ ต้มจับฉ่าย อร่อยไม่แพ้กรุงเทพเลยครับ ราคาไม่แพง เจ้าของบริการดี ยิ้มแย้ม แถมมีเสียงพูดแนะนำภูกระดึงออกลำโพงแบบรีรัน ให้ความรู้สำหรับนักเดินทางเบื้องต้น

ฟาร์มโชคชัยสเต็กเฮาส์





วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา






ผา นก เค้า เดอ เลย รีสอร์ท




ร้านเจ้กิม


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 06, 2021, 07:46:04 pm โดย civilthai » บันทึกการเข้า
civilthai
Administrator
ผู้บัญชาการ
*****

คะแนนความนิยม: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1182



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 04, 2021, 05:10:24 pm »

วันที่สอง เตรียมตัวขึ้นภู 20/12/63

ออกจากที่พัก 6.30 น. ขับรถไปอุทยานแห่งชาตืภูกระดึงแค่ 10 นาที จ่ายค่าเข้าคนละ 40 บาท หาที่จอดรถที่มีอยู่เยอะที่ลานหน้าอาคารและลานอื่นๆ เข้าแถวรอ จนท เช็คอิน ตามการจอง เช่น จะมีแถวสำหรับคนที่จองผ่าน แอพ QueQ รอบเวลาต่างๆ เช่น 7.00-8.00 และจะมี 1 แถว สำหรับ นทท ที่ walk-in มา ตั้งแถวรอ จนท สักพัก แถวไม่ยาวมาก พอ 7.00 น. เช้า รออย่างใจจดจ่อ จนท มาถึงเคาเตอร์ บอกให้ทุกคนสแกนผ่าน QR Code ตามจุดต่างๆได้เลย (แอบจกตาเล็กน้อย อุตส่าห์จองผ่าน QueQ มาตามที่แนะนำ จบกัน ไม่ได้มีผลอะไรเลย) ซื้อประกันภัยคนละ 10 บาท (ถ้าขาพลิก ขาแพลง เดินไม่ไหว จากอุบัติเหตุ โดยเฉพาะตอนขาลง สามารถให้ลูกหาบ หาบลงมาได้ ไม่เสียค่าใช้จ่าย จากเพจ คนรักษ์ภูกระดึง) เสร็จแล้วไปแจ้งที่จุด 4 ในกรณีที่จะจอดรถค้างไว้ใน อช ไม่มีที่จอดรถเฉพาะสำหรับจอดรถระยะยาวสำหรับคนจะขึ้นภู จอดตรงไหนก็ได้ที่ที่จอดรถ (แนะนำหาที่ร่มๆ แต่อาจหายากเสียหน่อย)







ติดต่อ จนท แจ้งเรื่องการจองเต้นท์ที่พักออนไลน์ แจ้งชื่อจองให้ จนท ถ้าให้ดีปริ้นใบจองมาด้วยก็ดี จากนั้น จนท จะพิมพ์ใบเสร็จให้เรามาพร้อมเซ็นต์กำกับ เราจะเอาใบนี้ไปแสดงต่อ จนท ที่ศูนย์วังกวาง บนภู เพื่อเบิกเครื่องนอนและตำแหน่งของเต้นท์ที่เราจองไว้ (จนท จะเป็นคนกำหนดตำแหน่ง หมายเลขของเต๊นท์ให้เราเอง เลือกไม่ได้)



จากนั้นไปจุดที่ติดต่อลูกหาบ วันที่ไป นทท ไม่แน่นมาก เข้าแถวรอคิวไม่นาน กระเป๋าเอาไปสองใบ ใบแรกเป็นกระเป๋าแบดยาวๆไว้ใส่เสื้อผ้า หนัก 8 กก ส่วนใบสองเป็นเป้ใส่ของจิปาถะ หนัก 6 กก ค่าใช้จ่ายคิดที่ กก ละ 30 บาท/ต่อเที่ยว ต้องซื้อแท๊กติดกระเป๋ามาก่อนแผ่นละ 5 บาท เขียนชื่อ เบอร์โทร เก็บต้นขั้วไว้เพื่อใช้ตอนจ่ายเงินรับกระเป๋าที่ศูนย์วังกวาง




ก่อนขึ้นลองไปตรวจความดันสักนิดที่ทางศูนย์จัดเตรียมไว้ให้บริการ อุ๊แม่จ้าว ความดันขึ้นทันทีเกือบ 150 กลัว จนท ไม่ให้ขึ้นมากตอนนั้น แต่ จนท แนะนำค่อยๆขึ้นไป (ผมคงตื่นเต้นด้วยมั๊ง) ส่วนความดันของภรรยาปกติ ดูป้ายหน้าทางขึ้น สูงจากระดับทะเลปานกลางแค่ 1288 เมตรเอง (เทียบเท่าตึก 430 ชั้นเอง) แฮร่ๆ ระยะทางขึ้นภู 5500 เมตร (เทียบเป็นความชัน SLOPE เท่ากับ 1:4.27 หรือเท่ากับ 13.2 องศา)




- พร้อมขึ้นเวลา 7.30 น. จัดแจงดึงไม้ค้ำ (Trekking Pole) ออกมา แนะนำไม้ค้ำ จำเป็นทั้งขาขึ้นและขาลง ช่วยพยุงน้ำหนักเรา ขาไปแบ่งกันใช้คนละอัน พอขึ้นไปเลยซำแฮกสักพัก ภรรยาส่งของเขาให้ใช้เพราะกลัวผมจะเหนื่อยจนเกินไป ส่วนภรรยาเดินตัวเปล่าทั้งขาขึ้นและขาลง สุดยอดจริงๆ...ผมใส่กางเกงเที่ยวขาสั้นแต่ใส่ที่รัดน่องกันตะคริวของ McDavid ใช้ได้ดีเลยครับ ไม่เป็นตะคริวที่น่องแต่จะเป็นตะคริวที่หน้าขาแทน ก่อนทางขึ้นจะมีกองไม้ไผ่หลากหลายขนาดไว้ให้ นทท ได้เอาไปใช้นะครับ





- ก่อนถึงซำแฮก พักระหว่างทางตลอด ค่อยๆเดินขึ้น เห็นขอนไม้ไม่ได้ ต้องเข้าไปนั่งพักเป็นช่วงๆให้หายเหนื่อย (ปลอดภัยไว้ก่อน) ช่วงขาขึ้นตอนเช้า เริ่มมีแดดแต่ไม่ร้อนมากนัก (แนะนำให้ใส่หมวกปีก ป้องกันความร้อนที่ศรีษะและคอ มีรูระบายยิ่งดี) แนะนำให้ขึ้นช่วงเช้าถ้ากลัวร้อน แล้วก็ถึงซำแฮก กินแตงโมชื่นใจจริงๆ มิน่าเห็นถ่ายรูปกับแตงโมซีกกันเยอะ เข้าใจและ พักยาวๆกันไป ไม่รีบ สั่งข้าวผัดหมูชิ้นและข้าวราดกระเพราหมูสับมาทานที่ร้านดอกออ้อ อร่อยมากครับ



















- ออกเดินต่อ แดดเริ่มร้อน ทางก็ชันมากชันน้อยสลับกันไป เหนื่อยหอบ ต้องหยุดพักเป็นช่วงๆ ถึงซำกอซางก็พักอีก ระหว่างทางเห็นลูกหาบแบกของมาแล้วยอมจริงๆ แต่ละคนจะมีลำโพงเปิดเพลงตามสไตล์ของแต่ละคน ทั้งลูกทุ่งและแร็ป เขาจะกำหนดจังหวะการเดินของตัวเองโดยการเหวี่ยงข้อศอกเบาๆเป็นจังหวะ ลูกหาบก็มีพักเหนื่อยระหว่างทาง โดยจะมีหลักเหมือนบาร์ไว้คอยวางคานหาบและสิ่งของ เข้าใจเลยครับ ถ้าไม่มีพวกเขาเราคงไม่ได้มีโอกาสมาสัมผัสบรรยากาศดีๆข้างบนภูแน่ๆ







- เดินต่อไปซำกกหว้า ตะคริวจะขึ้นที่หน้าแข้งทั้งสองข้าง ต้องหยุดพักก่อน เห็นร้านอาหารที่ซำอยู่แค่เอื้อม แต่ขึ้นไม่ไหว ต้องพัก 15 นาที ถึงเดินต่อไปพักที่ร้านอาหารบนซำได้ พักยาวเลยทีนี้ เกือบชั่วโมงมั๊ง ถ้าตะคริวขึ้นแล้วจะเจ็บยาวเลย ให้ภรรยาใข้น้ำมันเหลืองนวดให้ ยืดเหยียดขาระหว่างพัก พักนานๆ ช่วยได้เยอะเลยครับ





- พอหายเหนื่อยเดินต่อ ก่อนขึ้นถึงที่พักซำกกโดนก็ตะคริวจะขึ้นอีก แต่ก็ได้พักที่ซำนี้อีกนานพอควร



- ลุยต่อไปซำแคร่ (มีแคร่ให้นั่งเยอะ) พักเหนื่อย เตรียมกำลังชุดสุดท้ายก่อนลุยขึ้นหลังแป (เขาว่าชันและเหนื่อยอีกช่วง) ไอศครีมถังอร่อยมากครับ แฟนบอก เจอคุณลุงลูกหาบเอากระเป๋าของเรามาด้วย...













- เย้...ถึงหลังแปแล้ว เวลาประมาณ 14.30 รวมใช้เวลาขาขึ้น 7 ชม ถ่ายรูปที่ป้าย หายเหนื่อยเลย เข้าใจถึงความยากลำบากและเสน่ห์ของการขึ้นภูกระดึงเลย



- เดินต่อจากหลังแปไปศูนย์วังกวาง ระหว่างทางก็เจอต้นสนจิ๊กโก๋ (อยู่กลางถนนเลย) หนึ่งต้นและสองต้น ยืนเด่นเป็นสง่า ถ่ายรูปสักหน่อย เดินต่อสบายๆ อากาศเย็นดี







- ถึงศูนย์วังกวาง ติดต่อ จนท แสดงใบเสร็จการจองเต้นท์ หมอน ที่ปูนอน ถุงนอน แล้วไปเบิกที่อาคารข้างๆ เลือกได้เลย ส่วนเต้นท์ จนท จะบอกหมายเลขเต้นท์ให้ เราใด้เต้นท์เบอร์ 111 (เบอร์ตองซะด้วย) เครื่องนอนสะอาดพอควรเลยหล่ะครับ ไม่ต้องห่วงครับ





- เก็บของในเต้นท์ เตรียมตัวออกไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ผาหมากดูก ลานกางเต้นท์จะมีเต้นท์อยู่หลายกลุ่ม ของ อช จะเป็นเต้นท์ลายพราง ใหญ่พอควร นอนได้ 3 คน สบายๆ ถ้ามีเด็ก พ่อ-แม่ ลูกๆ สัก 4 คน นอนได้แบบไม่อึดอัด ส่วนเต้นท์ของร้านค้าจะมีขนาดเล็กกว่า เป็นเต้นท์หลากสี รวมถึงมีที่กางเต้นท์สำหรับคนที่นำเต้นท์มาเอง มีบางคนได้เต้นท์ที่ปิดไม่สนิท ตอนกลางคืนลมหนาวพัดเข้ามา เขาบอกว่านอนแทบไม่หลับหนาวสะท้านมาก ยังไงตรวจดูเต้นท์ให้เรียบร้อยก่อนนะครับว่าปิดได้สนิทไหม เพราะมันหนาวมาก ตอนเช้าเหลือเลขตัวเดียว 8 องศาน่าจะได้ หนาวสุดๆ (ไม่มีฮีทเตอร์เหมือนอยู่เมืองนอกด้วย)

- ไปผาหมากดูก ไปดูพระอาทิตย์ตก แวะถ่ายรูปที่ต้นเมเปิลข้างๆบ้านที่พัก นั่งรอดูพระอาทิตย์ตก ไปถึงเห็นมีคนจับจองที่ไว้แล้วอยู่พอสมควร



















- เดินกลับศูนย์วังกวาง ผ่านที่ให้เช่ารถจักรยาน สอบถามเจ้าของร้านเรื่องเส้นทางจักรยาน อธิบายดีมาก ชัดเจน เลยจอง 2 คันเป็นจักรยานล้อโต ให้ภรรยาปั่นดูก่อนว่าพอไหวไหม ลองปั่นเสร็จบอกสบายๆ ก็เลยทำเรื่องเช่าทริปเต็มวันในวันพรุ่งนี้ คืนรถ 18.30 (น่าจะมืดพอดี) ราคาค่าเช่า 410 บาท/คัน/วัน (ค่าเช่า 400 บาท ค่าธรรมเนียม อช 10 บาท) รับใบเสร็จ ร้านแจ้งมารับรถได้ 8.30 ของวันรุ่งขึ้น แนะนำก่อนมาให้จองจักรยานออนไลน์มาก่อนก็ดีนะครับ บางช่วงจะเต็มจร้าาา

- กลับมาที่เต้นท์ อากาศหนาวมากคืนนี้ เตรียมตัวไปหาข้าวกิน มีโซนร้านอาหาร 2 โชน กินหมูกระทะสิครับ ราคาชุดละ 500 บาท (ทานสองคนกำลังอิ่มพอดี) ส่วนน้ำเปล่าขวดละ 30 บาท (ราคามาตราฐาน) อร่อยเลยครับที่ร้าน ท.บริการ กินเสร็จเดินต่อไปกินปาท่องโก๋ 5 ตัว 20 บาท (ถูกมาก) มีนมข้นหวานให้ อร่อยสุดๆ กรอบนอกนุ่มใน ผมถือว่าอร่อยเท่าที่เคยกินมาเลย กินเครปต่อ 50 บาท ตามด้วยโรตีอีกหนึ่งแผ่น ข้างบนมีขายเกือบทุกอย่างที่คุณต้องการ ไม่ต้องเตรียมอะไรมาเลย หากินข้างบนดีกว่าครับ อุดหนุนร้านค้าบนภู ที่นี่มีทุกอย่าง จ่ายแพงนิดหน่อย ถือว่าช่วยๆกัน เขาอยู่ได้เราก็สบาย เขาก็ต้องเสียค่าลูกหาบแบกของกินของใช้ขึ้นมาเหมือนกัน ผมว่าราคาอาหารที่นี่สมเหตุสมผลเลยที่เดียว บางอย่างแอบถูกด้วย เช่น ปาท่องโก๋ มีกวางเจ้าถิ่นออกมาเดินเล่น บางตัวก็นอนนิ่งๆ เห็นหมูป่าหลายตัวแอบๆอยู่ตามพุ่มหญ้า ไม่กล้าโชว์ตัวมากเหมือนกวางเจ้าถิ่น











- โหดสุดก็ตอนนี้ครับ อาบน้ำที่ห้องน้ำรวม มีห้องน้ำเยอะครับ ไม่ต้องห่วง กระจายอยู่หลายที่ สะอาดใช้ได้เลยครับ แต่ขอบอกว่าหนาวมากกก (เพิ่งมาเห็นตอนหลังว่าร้านค้าบางร้านมีน้ำอุ่นให้บริการ คิด 80 บาท ผมว่ามันคุ้มมากเลยครับ 555)

- นอนในเต้นท์ก็ยังหนาวมาก ต้องใส่ถุงเท้าถุงมือ กางเกงวอร์ม เสื้อแขนยาวทับด้วยแจ็คเก็ตใส่หมวกนอน ก็ยังหนาวมาก นอนแทบจะไม่หลับ แถมกลางคืนลมแรงมากพัดมาแบบกลัวเต้นท์จะปลิวไปตามลม ตอนแรกเอาถุงนอนรูดซิปออกเป็นผ้าห่ม สู้ไม่ไหวครับ ต้องกลับมานอนในถุงนอนถึงพอช่วยคลายหนาวได้ ผมวู่วามจริงๆครับ...มันหนาวสุดๆ

- ระหว่างนอนจะเริ่มได้ยินเสียงกรนจากเต้นท์ข้างๆแล้วครับ ตอนไปเป็นช่วงหน้าหนาวแล้ว ไม่มีปัญหาเรื่องทากเหมือนตอนหน้าฝน

สรุปแต่ละช่วง จากบนภูลงฐาน
- วังกวาง 3500ม (เดินบนที่ราบ)
- หลังแป 1300ม
- ซำแคร่ 450ม (ร้านอาหาร)
- ซำกกโดน 300ม (ร้านอาหาร)
- ซำกกไผ่ 460ม
- ซำกกหว้า 440ม
- พร่านพรานแป 140ม
- ซำกอซาง 280ม (ร้านอาหาร)
- ซำกกกอก 440ม
- ซำบอน 700ม
- ซำแฮก 200ม (มีร้านค้าเยอะที่สุด ซำนี้)
- ปางกกค่า 800ม
- ศรีฐาน 0ม

แผนที่ภูกระดึง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 23, 2021, 06:14:28 pm โดย civilthai » บันทึกการเข้า
civilthai
Administrator
ผู้บัญชาการ
*****

คะแนนความนิยม: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1182



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: มกราคม 04, 2021, 05:39:41 pm »

วันที่สาม เดินเล่นบนภู 21/12/63

เมื่อคืนมีประกาศจาก อช ว่าถ้า นทท ต้องการไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ให้มาพร้อมกันที่จุดรับเครื่องนอนโดยพร้อมเพรียงกันเวลา 5.00 น. จะออกเดินทางโดยมี จนท เป็นคนพาไป เพราะยังมืดอยู่อาจมีอันตราย แต่เราไม่ได้ไปเพราะยังเพลียจากวันที่สองอยู่

- ตื่น 6.30 เดินรับอากาศหนาวรอบๆที่พัก ไปแปรงฟัน อาบน้ำ แล้วไปที่โซนอาหาร ทานโจ๊กที่ร้านเดิม ท.บริการ อร่อยเลยครับ ใส่หมูสับ ขิง ไข่ลวก กระเทียมเจียว ผักโรย เข้ากันดีเลยครับในตอนเช้า ถ้วยละ 50 บาท ตามด้วยไข่กระทะ

















- 8.30 ไปรับรถจักรยานล้อโตที่จองไว้ตั้งแต่เมื่อคืน พนักงานจะเตรียมรถไว้ให้พร้อมถุงมือผ้า แนะนำลองเช็ครถเบื้องต้นก่อนนะครับ ว่าเบรคดีไหม เปลี่ยนเกียร์ได้คล่องมือไหม รถขนาดถูกไซด์กับเรานะ ลองขึ้นคร่อมดู ผมได้คันเล็กทีแรก จานเกียร์ก็แตก บอกเขาไป เขาก็เปลี่ยนรถคันใหม่ให้ สักพัก จนท จะมาสอนเรื่องการใช้เกียร์ เขาจะล๊อคจานหน้าให้ลงมาที่จานเล็กสุด เพื่อจำกัดความเร็ว จะปรับได้แต่เฉพาะจานหลัง (ก็สมเหตูสมผลดี เรื่องความปลอดภัย เพราะจะใช้เส้นทางเดียวกับคนเดิน) เขาจะมี จนท อยู่ตามที่เที่ยวหลักคอยบริการในกรณีที่รถมีปัญหา แล้วจะติดไฟให้ที่ผาหล่มสัก เพราะอาจจะต้องปั่นกลับในตอนกลางคืน ถือว่าบริการรอบครอบมากเลยครับ





- ผมเริ่มลุยเลยปั่นไปนอกเส้นทางที่ร้านแนะนำเลยครับ เรื่มจากไปที่ผาหมากดูก (ระยะทาง 2,200 ม.) ปั่นไปเรื่อยๆ ทางสบายครับ ผ่านผาจำศีล (ระยะทาง 667 ม.) ไปต่อที่ผานาน้อย (ระยะทาง 550 ม.) จนถึงผาเหยียบเมฆ (ระยะทาง 1,562 ม.) ปกติเขาจะแนะนำให้ปั่นไปน้ำตกถ้ำใหญ่ก่อน เพราะอยู่ใกล้ๆ จากนั้นไปสระอโนดาด ผาเหยียบเมฆ และผาหล่มสัก กลับจากผาหล่มสักมาผาหมากดูก แล้วกลับศูนย์วังกวาง เป็นอันจบทริป)

































- ปั่นจากผาเหยียบเมฆไปตามคันดินเพื่อไปสระอโนดาด (โชคดีเป็นทางลาดลง เลยปั่นสบายๆ ระหว่างทางเจอน้องปั่นสวนมา ถามว่าเหลืออีกไกลไหม เขาดูเหนื่อยมาก เข้าใจแล้ว เขาปั่นขึ้นเนินมาบนคันดินซะด้วย ส่วนเราปั่นลงเนิน) แล้วแวะไปน้ำตกถ้ำใหญ่ (ไม่แนะนำไปหลังช่วง 15.00 น. ถ้าจะไปดูที่อื่นๆ เช่น เพ็ญพบ) ไม้เมเปิลร่วงลงบนโขดหิน สวยงามมาก ทางลงไปน้ำตกค่อนข้างชัน อีกหนึ่งเหนื่อย

































- เราเลือกปั่นย้อนกลับมาที่ผานาน้อย (ระยะทาง 2,076 ม.) เพราะถ้าย้อนกลับทางผาเหยียบเมฆจะเป็นคันดิน ทางเป็นเนินขึ้นคงเหนื่อยน่าดู แต่ทางไปผานาน้อย ก็เป็นเนินซึมๆ บางช่วงไม่ไหวก็เข็นเอา ทางโล่งๆ แทบไม่มีต้นไม้ เล่นเอาเหนื่อยเลย (แนะนำให้ทาครีมกันแดด) แวะทานข้าวผัดที่ร้านอาหารบนผานาน้อย ดูธรรมดามากๆแต่อร่อยครับ ทานเสร็จปั่นต่อเลียบผามาที่ผาเหยียบเมฆ (ระยะทาง 1,562 ม.)

- จากนั้นปั่นต่อจากผาเหยียบเมฆไปผาแดง (ระยะทาง 1,907 ม.) ปลายทางที่ผาหล่มสัก ระยะทางยาวหน่อย (ระยะทาง 2,417 ม.) แต่ทางดี มีทรายเยอะบ้างบางช่วง รากไม้ แต่ปั่นสนุกครับช่วงนี้ ยาวๆไปถึงผาหล่มสัก ถ่ายรูปที่จุดมหาชนซึ่งถือเป็นไฮไลท์ผ่านยอดสนที่ยื่นออกไปมุมนี้ ย้อนแสงช่วงบ่าย ภาพจะมืด (ครั้งหน้าต้องสั่งเบาร์นี่ไว้ล่วงหน้ากับร้านดัง)

















































- ปั่นกลับมาเส้นทางเดิมเลียบหน้าผาผ่าน ผาแดง ผาเหยียบเมฆ (แวะกินแตงโม 2 ชิ้นที่นี่ เพราะขาไปสัญญากับลูกเจ้าของร้านว่าจะแวะมากิน เด็กๆสัก 3-4 ขวบ น่ารักมาก) ผานาน้อย ผาจำศีล ผาหมากดูก (รวมระยะทาง 2417+1907+1562+550+667=7,103 ม.) ก่อนถึงผาหมากดูกเป็นเนินค่อนข้างชัน ผมปั่นโขยกขึ้นสนุกมากครับ (ปกติชอบปั่นเสือหมอบมาก่อน) ทันดูพระอาทิตย์ตกอีกครั้ง ปั่นกลับมาคืนรถที่วังกวาง (ระยะทาง 2,200 ม.) หลังพระอาทิตย์ตกดิน (17.55 น.) เส้นทางเริ่มมืดๆแต่มีไฟติดหน้ารถตั้งแต่ที่ผาหล่มสัก ถึงวังกวางเวลา 18.30 จ. คืนรถ จบทริปปั่นจักรยานเที่ยวบนภูกระดึงแบบเมื่อยขากันไป (แต่ถ้าเดิน ต้องเดินมากกว่า 20 กม ส่วนตัวแนะนำเช่าจักรยานนะครับ ประหยัดเวลา สนุกไปอีกแบบ)

































- ถึงเวลาหฤโหดอีกแล้ว...อาบน้ำ เย็นสุดขั้ว แต่พออาบเสร็จ รู้สึกทันทีว่าสดชื่นสู้ความหนาวได้



- ไปทานอาหารค่ำที่โซนอาหารอีกที่ (ร้านอาหารน้อยกว่า) กินหมูกระทะเหมือนเดิม รสชาดสู้ร้านแรกไม่ได้ ราคา 500 บาทต่อชุด





- ย้อนกลับไปโซนร้านอาหารฝั่งใหญ่ ติดใจปาท่องโก๋ร้านสุภาภรณ์ จัดมาอีกชุด ขากลับเต๊นท์เจอเจ้ากวางน้อยมาทักทายผู้คนอีกแล้ว













- กลับมานอนที่เต้นท์ ก่อนนอนก็นวดน้ำมันเหลืองและกินยาคลายกล้ามเนื้อ เพราะวันนี้เมื่อยขามากจากการขึ้นภู เดิน และปั่นจักรยานเทียว แนะนำเอาเพาเวอร์มาหลายก้อนหน่อย ผมเราก้อนไม่ใหญ่มากมา 4 ก้อน ไม่ต้องไปชาร์จที่ไหน แนะนำซื้อหลอดไฟที่ใช้ USB จะสะดวกมากตอนอยู่ในเต้นท์ รวมทั้งไฟฉายต้องเตรียมไปสำหรับตอนเดินออกไปข้างนอก เช่น ไปกินข้าว เข้าห้องน้ำ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 24, 2021, 02:15:12 am โดย civilthai » บันทึกการเข้า
civilthai
Administrator
ผู้บัญชาการ
*****

คะแนนความนิยม: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1182



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: มกราคม 04, 2021, 05:49:07 pm »

วันที่สี่ เตรียมตัวกลับ เดินลงภู 22/12/63

8.00 น. เก็บของ ออกจากเต๊นท์ มาคืนหมอน ที่ปูนอน ถุงนอน แล้วซื้อป้ายติดกระเป๋า เอากระเป๋าชั่งน้ำหนัก จนท แจ้งว่าของจะลงถึงที่ฐาน 2 รอบ ตอนเที่ยงและบ่ายสาม

เต้นท์ของ อช จะเป็นเต้นท์ลายพราง












มีตู้น้ำดิ่มแบบกด ลิตรละ 20 บาท ไว้คอยให้บริการ










โซนร้านอาหาร โซนนี้จะมีร้านค้าเยอะสุด เช่น ร้าน ท.บริการ อาหารอร่อยครับ


















8.30 น. เดินจากวังกวางไปหลังแป ทางเดินเป็นเนินซึมๆ ยังคิดว่าดีนะที่ไม่เช่าจักรยานปั่นขากลับจาก วังกวางไปหลังแป (ค่าใช้จ่าย 60 บาท) ถ้าเอาจักรยานมา คงต้องเข็นและเมื่อยน่องแน่ๆ ค่อยๆเดินไปแดดยังไม่ร้อน ถ่ายรูปที่ป้ายผู้พิชิตภูกระดึงอีกครั้งก่อนลง





































9.30 น. ลงจากหลังแป ถึงทางลงบันไดที่ชันมากๆ ให้จับราวบันไดไว้แล้วค่อยๆลงแบบเต็มเท้า หรือจะหันหลังค่อยๆลงก็สะดวกดี ไม่ต้องมองลงมาด้านล่าง (ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่ลูกหาบขึ้นบันไดช่วงนี้ลำบากพอสมควร น่าเห็นใจ เราต้องให้ทางเขาไปก่อนนะครับ) ทางลงเต็มไปด้วยโขดหิน ต้องระวังเท้าพลิก ลงถึงซำแคร่เวลา 10.15 น. (รวม 45 นาที) จะไม่เหนื่อยเมือนตอนขึ้น แต่พยายามลงแบบวางเท้าให้เต็มฝ่าเท้า (เดินตะแคง สลับซ้าย-ขวา) เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่หัวเข่า อากาศไม่ร้อน พักทานไอศครีมถึงที่นี่ (อร่อย) ติดใจตั้งแต่ขาขึ้นมาแล้วเลยต้องแวะอีก

























10.30 ออกจากซำแคร๋ ถึงซำกกโดน 10.40 น. ใกล้มาก ไม่เหนื่อยเลย แวะร้านอาหาร ระหว่างทางขึ้นและเจอกันอีกตอนลงกับลุงอายุ 75 ปี บอกมาขึ้นภูกับเพื่อนเป็นครั้งที่ 5 แล้ว ส่วนเพื่อนชื่อลุงสุวิทย์ (อดีตนายก อบจ สกลนคร) อายุ 76 ปี ขึ้นภูกระดึงมาแล้ว 45 ครั้ง...ผมนี่อึ้งเลย











เจอคุณลุงตอนลงอีกครั้ง เลยขอถ่ายรูปด้วย คุณลุงเดินลงเร็วมาก ระหว่างพักแต่ละซำ คุณลุงจะหยิบหนังสือออกมาสวดมนต์ตลอด


10.45 ออกจากซำกกโดน ถึงซำกกหว้า 11.10 น. (มีร้านอาหาร) แวะกินแตงโม 2 ชิ้น 30 บาท ช่วงบันไดยาวหินเรียงยาวๆขาขึ้นจาก ซำกกหว้าไปซำกกโดน มีชายอายุ 62 ปี เสียชีวิตที่บันไดหินหลายๆขั้น ก่อนหน้าที่มาแค่ 2 อาทิตย์ ส่วนตัวผมจะไม่ชอบขึ้นบันไดที่ทางศูนย์จัดทำเป็นอย่างดี ถ้ามีทางธรรมชาติ ผมจะเลือกเดินขึ้น-ลง ทางแบบนี้มากกว่า มีความรู้สึกว่าขึ้นบันไดแล้วเหนื่อยกว่าปกติ ผมต้องเดินแบบปู สลับฟันปลา สลับขาก้าวขึ้น-ลง เพื่อลดภาระไม่ให้ไปอยู่เฉพาะที่ขาข้างใดข้างหนึ่ง









11.30 ออกจากซำกกหว้า ถึงซำกอซาง 11.40 ระหว่างทางลงควรระวัง เจอคนลื่นก้นจ้ำเบ้า อาจเพราะเหยียบบนหินที่มีดินเกาะและชื้น ส่วนผมแนะนำและซื้อมาเพื่อการนี้ คือ รองเท้าสำหรับวิ่งเทรล ยี่ห้อ HOKA เอาอยู่เลยครับ ดอกยางพื้นเกาะดี เหยียบบนโขดหินเอียงๆที่น้ำตกถ้ำใหญ่ก็ยังเอาอยู่ แนะนำให้ตัดเล็บมาก่อนครับ

















12.00 ออกจากซำกกซาง ถึงซำแฮก 12.30 น. กินข้าวกระเพราหมู 45 บาท (อร่อยมาก) ข้าวผัดหมู เมนูเดิมเหมือนตอนขึ้น ที่ร้านดอกอ้อ ซำนี้ร้านอาหาร เครื่องดื่มราคาไม่แพง เพราะอยู่ไม่สูง (ค่าลูกหาบจะถูกกว่า)













13.00 ออกจากซำแฮกลงไปที่ศรีฐาน ลงเร็วมาก สบายๆ ถึงด้านล่างเวลา 13.30 น.



















สรุปใช้เวลาลงจากภูเรื่มจากหลังแป 45+10+25+10+30+30 = 2.30 ชม (ไม่รวมพัก)

รอสัมภาระที่กำลังตามลงมาเวลาประมาณ 14.30 น. จ่ายค่าสัมภาระ 14 กก (8+6) = 14*30=420 บาท ไปที่จอดรถ ขับกลับ กทม อีกเกือบ 500 กม (ประมาณ 7 ชม) ก่อนกลับแวะกินข้าวเย็นที่ร้านเจ๊กิม ผานกเค้า อีกครั้ง ติดใจอาหารอร่อย ซื้อของฝากมะพร้าวแก้วกลับบ้าน...เป็นอันจบทริปวู่วามขึ้นภูกระดึงครับ

























เช้ามาทำงาน รู้สึกได้ว่าเมื่อยขามาก ต้องค่อยๆเดินลงบันได ประมาณ 3 วันก็จะหายปวด เล็บไม่หลุด ไม่รู้สึกเจ็บเข่าแต่อย่างใด ตอนลงสำคัญมาก ต้องอย่ารีบลง ดูจังหวะวางเท้าสลับๆกันไปพอช่วยได้ แอบภูมิใจเล็กๆและสัญญากับตัวเองว่าจะมาทุกปี แต่จะไม่วู่วามแบบทริปนี้ ดูแลสุขภาพ ฟิตร่างกายก่อนในรอบต่อไป

ความรู้สึกหลังจากกลับมาแล้ว มีเพื่อนผมพูดว่าภูกระดึงเหมือนส่วนนึงของสวรรค์ที่ตกลงมาบนพื้นโลก ผมเริ่มเข้าใจ อยู่ด้านบนเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง ปราศจากความวุ่นวายใดๆไม่เหมือนด้านล่าง เสพสุขกับธรรมชาติ มีเรื่องราวที่ต้องจดจำตลอดทั้งตอนขึ้นและตอนลง ผู้คนที่พบปะระหว่างทางดูถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือกัน มันคือสังคมยูโทเปีย ความลำบาก เหนื่อย ล้า ร้อน หนาว หิว ความสดชื่น รอยยิ้ม ธรรมชาติ ทนทุกสภาพ มีครบหมดถ้าคุณมาที่ภูกระดึง...ตึงทั้งตัว 555

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 24, 2021, 11:53:33 am โดย civilthai » บันทึกการเข้า
civilthai
Administrator
ผู้บัญชาการ
*****

คะแนนความนิยม: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1182



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #5 เมื่อ: มกราคม 04, 2021, 11:11:44 pm »

รีวิวดีๆ จาก pantip

https://pantip.com/topic/39337358

https://th.readme.me/p/22916
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 23, 2021, 05:05:54 pm โดย civilthai » บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


* Share this topic......
For Webboard
(BBCode)
For Website/Blog
(HTML)