การวิเคราะห์และออกแบบงาน Seafastening, Barge Stability

[civilthai]

ขอจั่วหัวไว้อีกเรื่องครับ จะอธิบายขั้นตอน รายละเอียด ตัวอย่าง รูปภาพประกอบ งานขนส่งโครงสร้างนอกฝั่ง เร็วๆนี้ครับ
Stay tuned.......I will be right back krub



ขอความร่วมมือจาก อ๊อฟ และ ต้นมนู ด้วยนะครับ

[Bung]

มารออ่านครับ

[civilthai]

การขนส่งทางทะเล ( Sea Transportation ) มีความสำคัญต่องานวิศวกรรมนอกฝั่งเป็นอย่างมาก กล่าวคือหลังจากที่ออกแบบ (Design) และประกอบ (Fabrication) บนฝั่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็เป็นการเคลื่อนย้าย (load-out) จาก Yard สู่เรือที่จะทำการขนโครงสร้างออกสู่นอกฝั่งเพื่อการตืดตั้ง ดังนั้นวิศวกรโครงสร้างนอกฝั่งควรมีความเข้าใจพื้นฐานเรื่องการเคลื่อนย้าย, การขนส่งทางทะเล และการติดตั้ง ซึ่งเป็นงานส่วนหนึ่งที่ต้องทำกาวิเคราะห์และออกแบบ โดยปกติแล้วทางวิศวกรโครงสร้าง ( in-house engineer) ของบริษัทก่อสร้างแท่นนอกฝั่งจะเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ก็มีบ่อยครั้งที่ส่งดังกล่าวมาให้บริษัทออกแบบ

Seafastening คือ องค์อาคารหรือชิ้นส่วนของโครงสร้างชั่วคราวที่ใช้สำหรับยึด Cargo ติดกับ Barge เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของ Cargo ตลอดระยะเวลาการขนส่งทางเรือ เนื่องจาก Roll, Pitch และ Heave โดยที่ Seafastening จะส่งถ่ายน้ำหนักGravity และ Inertia ลงสู่จุดแข็งของโครงสร้างเรือ

Cargo คือ สินค้าหรือของที่บรรทุก ส่วนเรือที่ใช้ขนสินค้าเราเรียกว่า Cargo barge หรือ Transportation Barge ทำไมถึงเรียก Cargo เนื่องจากงาน offshore เราจะทำการขนส่งโครงสร้างชนิดต่างๆเพื่อไปตืดตั้งที่นอกฝั่ง เช่น Jacket, Topside, Piles, Boat Landing, Pipe Spools etc.

Loadout plan คือ Layout ของ Cargo ทั้งหมดที่จัดวางอยู่บน Barge รวมถึงตำแหน่งของ Seafastening ซึ่งอาจแสดง Ballast Tank Arrangement (การจัดเตรียมการถ่วงถังน้ำท้องเรือเพื่อควบคุมเสถียรภาพของเรือ) ตามรูปตัวอย่างด้านล่างครับ

โดยหลักการทั่วไปก็ไม่มีอะไรมากครับสำหรับ Barge stability (เสถียรภาพของเรือ) มันคือการ Balance น้ำหนักของ Cargo กับน้ำที่จะถ่วงใต้ท้องเรือ ซึ่งต่อไปจะกล่าวถึงการจำลองเรือและ Cargo รวมทั้งการกำหนดตำแหน่ง Cargo บนเรือและการใส่น้ำหนักของ Cargo รวมถึงการถ่วงน้ำหนัก (Ballast) โดยการใช้โปรแกรม SACS ครับ

มาเริ่มกันเลยครับ

ขอเริ่มที่งาน Seafastening ก่อนนะครับ โดยเริ่มจาก

[OFF]

  ขอเพิ่มเติมในส่วนของ barge motion นะครับ 

โดยปรกติเวลาเรือเคลื่อนที่ไปในทะเลแรงลมและแรงคลื่นจะทำให้เรือเคลื่อนที่ไปมาไปมาได้ 6 ทิศทางคือเคลื่อนที่ตามยาว (Surge), เคลื่อนที่ตามขวาง(Sway), เคลื่อนที่ขึ้นลง(Heave), หมุนรอบแกนตามยาว(Roll), หมุนรอบแกนตามขวาง(Pitch) และหมุนรอบแกนตั้ง (Yaw)  การเคลื่อนที่สลับไปกลับมาของเรือแบบนี้จะทำให้เกิด Inertia Force อันเนื่องมาจากความเร่งของเรือ ขึ้นในชิ้นส่วนของโครงสร้าง (เหมือนเวลาเราเหยียบเบลกรถแล้วตัวเราพุ่งไปข้างหน้าเราเลยใช้เข็มขัดมารัดไว้ ในงาน Sea Transportation เราเรียกเข็มขัดแบบนี้ว่า “Seafastening”)

คำถามที่ตามมาก็คือ “แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าความเร่งของเรือแบบนี้มีค่าเท่าไร”
วิธีการหลักๆทีนิยมใช้กันก็มี 2 วิธี
1.ใช้ Code หรือ Standard เช่น Noble Denton No. 0030/ND
2. ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น SACS – Barge Motion Study Module

  วันนี้หิวข้าวแล้ว ^o^ วันหลังค่อยมาต่อครับ 

[civilroom]

มานั่งฟังด้วยคนครับ มีคนฟังเยอะๆคนเล่าจะได้มีกำลังใจ ^ ^

[civilthai]

ก่อนไปถึงงาน  sea-fastening ขอเริ่มที่การเตรียม foundation สำหรับรองรับ Load-out beam กันก่อน ดูภาพประกอบ

[Rommel7]

วิเคราะห์ ได้เยี่ยม